22.12.53

ยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน

0 ความคิดเห็น
'ดาว์พงษ์'นั่งเป็นผอ. มาร์คมั่นใจรับมือได้ ครม.ให้ขึ้นเงินอบต. อบจ.ขอบ้างขู่บุกกรุง

ครม.มีมติยกเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแทน พร้อมตั้ง ศตส.มารับไม้ต่อจากศอฉ. ให้ "ดาว์พงษ์" นั่งหัวโต๊ะเป็น ผอ.ติดตามสถานการณ์ นายกฯมั่นใจกฎหมายปกติรับมือได้ หวังม็อบไม่ก่อเหตุท้าทายอำนาจรัฐ ผบ.ทบ.ฉุนขาดโดนถามเรื่อง ศอฉ.ผลาญงบ "ธิดา" ประสานอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ เร่งทำเรื่องประกันตัวแกนนำ นปช. อ้างจะออกมาช่วยสร้างความปรองดอง ที่ประชุม ครม.เห็นชอบขึ้นเงินเดือน อบต.แล้ว มีผล 1 ม.ค.54 ด้าน อบจ.ได้ทีขอขึ้นค่าตอบแทนบ้าง ขู่ถ้ารัฐบาลไม่ยอมจะก่อม็อบบุกกรุง พท.จัดเวิร์คช็อปทำนโยบายหาเสียง "มิ่งขวัญ" ประกาศตัวขอเป็นผู้นำ

หลังจากที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงหลังค่อนข้างอยู่ในกรอบของกฎหมาย และไม่มีเหตุการณ์รุนแรงมากนัก ทำให้ที่ประชุม ครม.มีมติยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ พร้อมทั้งยุบ ศอฉ. โดยให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงมาควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อยแทน และได้ตั้ง ศตส.ขึ้นมาติดตามสถานการณ์

ครม.ผุด ศตส.คุมสถานการณ์

วันที่ 21 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ครม.มีมติอนุมัติยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานีและสมุทรปราการ และอนุมัติให้มีมาตรการเฝ้าระวัง โดยให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จัดระบบเฝ้าระวังในส่วน กอ.รมน.กลาง กอ.รมน.ภาค และกอ.รมน.จังหวัด โดยในส่วน กอ.รมน.กลางจะมีศูนย์ติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ทำงานประสานกับ 14 หน่วยงาน รวมทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ มี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก เป็น ผอ.ศตส. เพื่อรายงานผลการติดตามสถานการณ์ให้ฝ่ายคณะกรรมการอำนวยการ กอ.รมน. ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อตัดสินใจการยกระดับการเปลี่ยนแปลงการใช้กฎหมาย ก่อนรายงานให้ ครม.ทราบ ทั้งนี้ได้อนุมัติงบประมาณ  156  ล้านบาท  ให้  กอ.รมน. ประสานงานกับ  ศตส.

เตรียม 2 แผนสกัดเหตุรุนแรง

นายปณิธานกล่าวว่า ครม.ประเมินสถานการณ์ภายหลังการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง จึงไม่มีเหตุผลมากพอที่จะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าโอกาสที่จะเกิดความรุนแรงจะเป็นศูนย์เปอร์เซ็นต์ จึงต้องเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ไว้ 2 ลักษณะ คือ 1.การใช้หมวด 2 ของ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร คือ การประกาศพื้นที่ความมั่นคง 2.การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในเร็วๆนี้ยังไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้แผนรองรับสถานการณ์ทั้งสองข้อนี้

แจง 3 เหตุยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นายปณิธานกล่าวว่า ส่วนเหตุผลการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีดังนี้ 1.การชุมนุมคลี่คลาย มีการปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้กฎหมายพิเศษ 2.เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีความเข้าใจและประสานงานเชิงบูรณาการมากขึ้น ทำให้เกิดความมั่นใจในการใช้กฎหมายปกติ 3. สังคมไม่ตอบรับการใช้ความรุนแรง ปฏิเสธกลุ่มฉวยโอกาสใช้ความรุนแรง  ศอฉ. จึงมั่นใจว่าสามารถกลับไปใช้กฎหมายปกติได้

อนุมัติช่วยประกันตัวเสื้อแดง

นายปณิธานกล่าวด้วยว่า ครม.ยังมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ไปประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อดูแลช่วยเหลือการให้ประกันตัวคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังตามเรือนจำต่างๆในข้อหาก่อเหตุความไม่สงบ ตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย. 2553 ตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อแนวทางปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน โดยนายกรัฐมนตรีได้ย้ำหลักการคือ ให้ช่วยเหลือทุกกลุ่ม ไม่ได้เลือกปฏิบัติ โดยให้กรมราชทัณฑ์ไปชี้แจงสิทธิการได้รับประกันตัวให้ผู้ต้องขังทุกคนรับทราบ หากใครไม่มีเงิน ก็จะใช้เงินในกองทุนของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ให้การช่วยเหลือ แต่สุดท้ายแล้วจะได้รับการประกันตัวจำนวนเท่าใดขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลยุติธรรม ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำ นปช.ก็มีสิทธิได้รับการประกันตัวเช่นกันใช่หรือไม่ นายปณิธานตอบว่า เป็นไปตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะต้องแจ้งสิทธิเรื่องการประกันตัวให้ทราบ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ต้องขังจะร้องขอให้มีการประกันตัวหรือไม่

"อภิสิทธิ์" มั่นใจกฎหมายปกติคุมอยู่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. และ ศอฉ.ก็หมดสภาพไป ส่วนการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ถือเป็นการใช้กฎหมายปกติเพราะไม่ได้ประกาศพื้นที่ความมั่นคง เป็นเพียงการอาศัยกลไกของ กอ.รมน. ที่มีหน้าที่ปกติอยู่แล้วในการจัดทำแผนรองรับอะไรต่างๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า กฎหมายปกติจะสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมต่างๆที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า คิดว่าเพียงพอ สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้ทาง สมช.รายงานว่า หลังจากใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาถึงวันนี้ คิดว่าน่าจะสามารถกลับมาใช้ กฎหมายปกติได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าเพียงพอต่อการคุมสถานการณ์ได้

หวังม็อบไม่ก่อเหตุท้าทายอำนาจรัฐ

ต่อข้อถามว่าเกรงจะมีการก่อเหตุท้าทายอำนาจรัฐหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า หวังว่าคงไม่มี และเป็นหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะดูแล แต่เราเตรียมพร้อมไว้กับสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งได้คุยกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ท่านทราบดีว่าเป็นภาระหนักสำหรับตำรวจ แต่สามารถที่จะดำเนินการได้ อย่าลืมว่าเราเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน 20 จังหวัดมาก่อนหน้านี้ เมื่อถามว่ามั่นใจ สถานการณ์จะไม่มีการใช้ความรุนแรงอีกต่อไป นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อยู่ โดยให้ กอ.รมน.เป็นศูนย์ติดตามสถานการณ์ เวลานี้มีโครงสร้างโดยตนเป็น ผอ.รมน. และเป็นประธานศูนย์ฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็นรองประธานศูนย์ฯ มีอำนาจตามลำดับอำนาจหน้าที่ มั่นใจว่าจะควบคุมได้ ถ้ามีเหตุการณ์ความจำเป็นอะไร เรามีแผนรองรับอยู่ มีการประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง ถ้ามีอะไรจะรายงานมาที่ตนโดยตรง

เสื้อแดงทำผิดสถานเบาช่วยง่ายกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ครม.ได้พิจารณาข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อแนวทางปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน เสนอให้รัฐบาลยื่นประกันตัวคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังจำนวน 104 คนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า โดยสรุปแล้วมีการแยกแยะกลุ่มคนที่ถือว่ามีคดีความผิดเบาบาง ซึ่งเป็นกรณีง่ายกว่า โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเข้าไปพูดคุยกับทุกคน กลุ่มที่มีความผิดเบาบางจะทำง่ายกว่า ขั้นตอนคือเจ้าตัวต้องเป็นคนยื่นขอประกันตัวเอง หากเป็นคนที่ขาดความช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย หรือหลักทรัพย์ กรมคุ้มครองสิทธิฯจะให้ความช่วยเหลือตามอำนาจหน้าที่เหมือนที่ทำกับกรณีอื่นๆ แต่ทั้งหมดต้องดูรายละเอียดว่าใครประสงค์หรือไม่อย่างไร กรณีแกนนำเสื้อแดงนั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม รายงานว่า กรมคุ้มครองสิทธิฯเข้าไปคุยแล้ว 1 รอบ ทางแกนนำยืนยันว่ามีทนายความเอง รัฐบาลไม่ต้องให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย เราทำอย่างมากเป็นผู้ประสานงานในเชิงธุรการ ทั้งหมดประกันตัวได้หรือไม่ อยู่ที่ศาล

"ประยุทธ์" ฉุนข้อหา ศอฉ.ผลาญงบ

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากประเทศกัมพูชาว่า วันนี้จะมีการประชุม ศอฉ.ครั้งสุดท้าย เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับกรณีที่ ครม.ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งจะมีการตั้ง ศตส.ขึ้นมา ลักษณะคล้ายกับ ศอ.รส. เพียงแต่ลดระดับลงมา และใช้กฎหมายปกติ โดยให้ตำรวจเป็นหลัก ผู้สื่อข่าวถามว่า การใช้งบประมาณของ ศอฉ.ที่ผ่านมามีจำนวนเท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า งบประมาณที่ไปพูดกันว่าเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาทนั้น ไปเอาตัวเลขที่ไหนมาพูด มีเฉพาะค่าเบี้ยเลี้ยง เจ้าหน้าที่ทำงานเท่าไหร่ก็ได้เท่านั้น กี่คนก็เอาตัวเลขคูณเข้าไป เมื่อถามว่า สรุปแล้วใช้งบประมาณไปเท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ ไปหาตัวเลขกันเอาเอง เพราะไม่ได้สนใจตัวเลข เมื่อได้งบประมาณมาก็แจกจ่ายให้กับหน่วยไปปฏิบัติงาน  แต่ไม่ใช่เป็นหมื่นล้านแสนล้านบาท รัฐบาลไม่มีเงินให้ขนาดนั้น ถ้าอยากให้เจ้าหน้าที่ทำงาน อยากให้บ้านเมืองสงบ เลิกเสียทีกับเรื่องปั้นน้ำเป็นตัว การเขียนเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง

ฟิวส์ขาดจวกนักข่าวถามไร้สาระ

"เหมือนกับเรื่องที่บอกว่ารัฐบาลทำโน่นทำนี่ให้กับทหารเป็นการตอบแทน ผมขอบอกว่าผมไม่เห็นได้อะไรเลย อยากถามว่า การซื้อของต่างๆเหล่านี้ใครเป็นคนได้ ประเทศไทยได้หรือไม่ได้ ส่วนผลประโยชน์อยู่ที่ใคร ผมไม่รู้ เพราะไม่ได้ และไม่มีใครได้ด้วย ถ้าบอกว่านี่ไม่ควรซื้อ นั่นก็ไม่ควรซื้อ เพราะซื้อแล้วโกงทุจริต ก็ขอให้ไปหาหลักฐานมา แล้วอีกหน่อยก็ไม่มีใครอยากทำงาน ไม่มีใครอยากมาดูแลประเทศชาติ ทำลายกันไปทีละคนจนหมด แล้วจะไปหาใครมาดูแล ก็ขอให้ไปหาคนอื่นมาช่วยกันดูแลกันเอาเอง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า ควรจะชี้แจงให้เข้าใจหรือไม่ว่า ศอฉ.ใช้งบประมาณไปเท่าไหร่ ผบ.ทบ.ตอบว่า ไม่ต้องชี้แจง เพราะทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใสอยู่แล้ว ถ้าจะให้ชี้แจงทุกเรื่องก็ไม่ต้องทำงานกัน การที่จะเอาเงินมาทำอะไรนั้นตนไม่ได้ประโยชน์ทั้งสิ้น ทหารก็ไม่ได้ประโยชน์ คนที่ได้คือเจ้าหน้าที่ ที่ไปนอนกลางดิน กินกลางทรายทุกวัน เขาเป็นใคร ไม่ใช่มนุษย์หรือ ถึงไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องกินข้าวหรือไง"

หลังกล่าวจบ พล.อ.ประยุทธ์หันหลังให้กับผู้สื่อข่าว พร้อมบ่นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า "ถามอะไรไร้สาระ ไม่เข้าท่า" ก่อนรีบเดินไปขึ้นรถยนต์ประจำตำแหน่งออกไปทันที

ศอฉ.นัดสุดท้ายส่งมอบงาน กอ.รมน.

ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก มีการประชุม ศอฉ.นัดสุดท้าย โดย พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษก กอ.รมน. แถลงภายหลังการประชุมว่า แต่ละหน่วยงานได้รายงานผลการปฏิบัติตั้งแต่เดือน เม.ย.-ธ.ค. และเตรียมถ่ายโอนงานที่ดำเนินการมาและยังค้างอยู่ให้ กอ.รมน. เช่น การติดตามคดีความต่างๆ การประสานงานช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ถูกดำเนินคดี ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. การดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่จะเป็นหน้าที่ของ ศตส. โดย พล.อ. ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสธ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ กอ.รมน. เป็นผู้รับผิดชอบ ศตส. ทั้งนี้ ศตส.อยู่ในการดูแลของคณะกรรมการอำนวยการ กอ.รมน. เพียงแต่มีการเพิ่มเจ้าหน้าที่ซึ่งประกอบด้วยพลเรือน ตำรวจ ทหาร จำนวนหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่ติดตามภารกิจที่กระทบต่อความมั่นคง จากการชุมนุมหรือการเคลื่อนไหวต่างๆ ส่วนการดูแลบุคคลสำคัญและสถานที่สำคัญมอบหมายให้ตำรวจรับผิดชอบดูแล แต่ สามารถร้องขอทหารเข้าไปช่วยได้ในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน

"ธิดา" ประสานขอประกันตัวเสื้อแดง

ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ภรรยา นพ.เหวง โตจิราการ ในฐานะรักษาการประธาน นปช. พร้อมนายคารม พลทะกลาง ทนาย นปช. และนายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนาย ความแห่งประเทศไทย เข้าพบนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อขอให้กรมคุ้มครองสิทธิฯเป็นตัวแทนยื่นเรื่องประกันตัวแกนนำ นปช. หลังหารือกว่า 2 ชั่วโมง อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯเผยว่า แกนนำ นปช.มอบหมายให้นางธิดาเป็นตัวแทนในการประสานงานในการประกันตัวแกนนำ นปช. จึงได้เชิญนางธิดามาหารือ ได้ข้อสรุปว่าคณะของนางธิดาจะต้องทำเรื่องร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมเพื่อที่จะให้เข้าสู่กระบวนการของกรมคุ้มครองสิทธิฯ จากนั้นทางกรมจะดูรายละเอียด ศึกษาวิเคราะห์ดูว่าจะมีแนวทางประสานหน่วยงานใดได้บ้าง

ยื่นเรื่องช่วยแกนนำทั้งหมด

ขณะที่นางธิดากล่าวว่า วันที่ 22 ธ.ค.จะมอบหมายให้นายกสมาคมทนายความร่างหนังสือขอยื่นคำร้องต่อกรมคุ้มครองสิทธิฯ โดยจะนำไปให้แกนนำที่อยู่ในเรือนจำดูก่อนเพื่อขอความเห็นพ้อง ก่อนที่จะยื่นเอกสารกับกรมคุ้มครองสิทธิฯ ซึ่งขอยื่นประกันตัวแกนนำทั้งหมด แต่ในส่วนของคนเสื้อแดงนั้นจะมีทนายความอีกส่วนหนึ่งยื่นประกันแยกเป็นคนละส่วน ยืนยันว่าการดำเนินการนี้ไม่เกี่ยวกับการต่อสู้ของคนเสื้อแดง แต่ถือเป็นหน้าที่ที่กรมคุ้มครองสิทธิฯจะต้องทำ และ นปช.ไม่ได้ใช้สิทธิในฐานะเป็นแกนนำ เป็นการใช้สิทธิเหมือนประชาชนทั่วไป ไม่มีการต่อรองผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น 

อ้างจะมาสร้างความปรองดอง

ต่อข้อถามที่ว่า หากได้ประกันตัวแล้วถูกสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองจะทำอย่างไร นางธิดากล่าวว่า เป็นดุลพินิจของกรมคุ้มครองสิทธิฯและทางศาลอาจจะเหมือนกรณีนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. หรือไม่ และเป็นเรื่องที่ทีมทนายความต้องไปหารือกับแกนนำด้วย อย่างไรก็ตาม จากการที่เคยหารือกับ นพ.เหวง โตจิราการ และแกนนำคนอื่น เห็นพ้องว่าถ้าจะออกมาจะต้องมีประโยชน์ ไม่ใช่เป็นตอไม้ ควรสามารถทำงานให้บ้านเมืองได้ประโยชน์ ถ้าออกมาเป็นตอไม้ บ้านเมืองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เช่นควรจะช่วยกันในเรื่องปรองดอง หรือช่วยไม่ให้บ้านเมืองประสบชะตากรรมเหมือนบางประเทศ วันนี้มาไม่ได้มาในฐานะภรรยา แต่มาในฐานะรักษาการประธาน นปช. ซึ่งแกนนำที่อยู่ในเรือนจำทั้งหมดต้องมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันด้วย

เหน็บ ผบ.ทบ.ชอบพูดจาข่มขู่

"ส่วนการเคลื่อนไหวในปีนี้ของทาง นปช.จะยุติไว้ก่อน แต่จะไปเคลื่อนไหวอีกครั้งวันที่ 9 ม.ค. 54 หากในบางจังหวัดถ้ามีการปล่อยคนเสื้อแดงออกมาจากเรือนจำ ก็จะมีการเคลื่อนไหวในจังหวัดนั้นน้อยลง ส่วนการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ถือเป็นความจำเป็นของรัฐบาล เพราะไม่มีประเทศไหนประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นปีแบบนี้ แต่ถึงแบบนั้น ผบ.ทบ.ก็ยังขู่ตลอดว่าพร้อมที่จะประกาศใหม่ ปัญหาคือผู้มีกำลังอำนาจตระหนักหรือไม่ว่าการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินผิดหรือถูก ตราบใดไม่ตระหนัก ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะเลิก เพราะพร้อมที่จะกลับมาใช้ และไม่มีปัญหาแม้ไม่ยกเลิกเราก็เคลื่อนไหวได้ เพราะไม่มีค่าเวทีและเครื่องเสียงด้วย" นางธิดากล่าว

ครม.อนุมัติขึ้นเงินเดือน อบต.

ทางด้านความคืบหน้าการพิจารณาขึ้นเงินเดือนผู้บริหารและสมาชิก อบต.นั้น นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ครม.อนุมัติการขึ้นเงินเดือนให้ อบต. ตามที่กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยไปศึกษาร่วมกันมา ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2554 โดยให้เหตุผลว่ามีความจำเป็นต้องเพิ่มขึ้นเงินเดือนให้ อบต. เพื่อลดช่องว่างระหว่างหน่วยงานตามความเหมาะสม ขอย้ำให้เกิดความชัดเจนว่าเป็นการปรับเงินเดือนเพื่อลดช่องว่างของหน่วยงานต่างๆ ไม่ใช่ให้หน่วยงานอื่นที่มีขั้นเงินเดือนสูงอยู่แล้วขอปรับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นตามมา ทั้งนี้ หน่วยงานท้องถิ่นใดที่มีเงินเดือนสูงอยู่แล้วก็ขอให้รอไปก่อน เพื่อให้หน่วยงานที่มีเงินเดือนน้อยได้ปรับขึ้นมาก่อน 

"อภิสิทธิ์" หนีคำถามหวังผลการเมือง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่ ครม.มีมติอนุมัติขึ้นเงินค่าตอบแทน อบต.ว่า กระทรวงการคลังเห็นชอบ โดยจะมีผลวันที่ 1 ม.ค.2554 ส่วนที่ตนเห็นว่าควรจะขึ้นในวันที่ 1 เม.ย.นั้น เป็นเพียงประเด็นที่ให้ไปดู กระทรวงการคลังบอกว่าการขึ้นครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการขึ้นแบบเดียวกับค่าครองชีพ แต่เป็นการขึ้นเพื่อไม่ให้ช่องว่างห่างจากเทศบาลกับ อบจ. ดังนั้นไม่เป็นเหตุผลให้กลุ่มอื่นๆขึ้นตามกัน เพราะต้องการปรับเชิงโครงสร้าง ส่วนการที่ อบจ.กับเทศบาลจะพบกับตนนั้น ยังไม่มีการนัดหมายใดๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ครม.อนุมัติขึ้นเงิน อบต.เป็นการซื้อใจหรือหวังผลอะไรทางการเมืองหรือไม่ ปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ได้แต่ยิ้มโดยไม่ตอบคำถาม พร้อมเดินเลี่ยงผู้สื่อข่าวทันที

อบจ.เอาบ้างขอขึ้นเงินเดือน

อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 15.30 น. ที่หน้าสำนักงาน อบจ.สกลนคร นายชัยมงคล ไชยรบ นายก อบจ.สกลนคร นายชาญชัย งอยผาลา ประธานสภา อบจ.สกลนคร พร้อมสมาชิก อบจ.จำนวน 36 คน เปิดแถลงข่าวถึงกรณีที่ ครม.มีมติเห็นชอบการขึ้นค่าตอบแทน อบต.ของรัฐบาล โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 นั้น โดยนายชาญชัยกล่าวว่า อบต.ที่มีหน้าที่ดูแลและใกล้ชิดกับประชาชน สมควรที่จะยกให้ขึ้นค่าตอบแทนได้ แต่หากมองภาพรวมแล้ว อบจ.มีหน้าที่รับผิดชอบทั้งจังหวัด และมากกว่า อบต. แต่รัฐบาลไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าการบริหารงานของ รมว.มหาดไทยและนายกรัฐมนตรีมองข้ามความสำคัญของ อบจ.ไป เป็นการมองเฉพาะด้าน ละเลยการมองที่ภาพรวม หากมองค่าตอบแทนตัวเลข อบจ.อาจจะมีมากกว่า อบต. แต่ภาระความรับผิดชอบก็มีมากตามมาเช่นกัน แม้จะเคยมีการขึ้นค่าตอบแทน แต่ก็ล่วงเลยมานานแล้ว จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นสมาชิก อบจ.ทั้ง 75 จังหวัดพร้อมที่จะเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน

ขู่จัดม็อบบุกกรุงกดดันนายกฯ

นายไชยมงคลกล่าวเสริมว่า การที่นายกฯระบุเรื่องการขึ้นค่าตอบแทนทั้งระบบ ขอถามว่าหมายถึงระบบอะไร สมาชิก อบจ.ก็เป็นอีกหนึ่งระบบในท้องถิ่นที่เป็นกลไกในการบริหารบ้านเมือง มีความรับผิดชอบทางการเมืองเหมือนกัน ในส่วนของ ส.ส.จะได้ขึ้นเงินเดือนในสมัยหน้า พวกตนเอาสมัยหน้าก็ได้หากค่าตอบแทนขึ้นสูงเหมือน ส.ส. สำนึกรับผิดชอบเราไม่ได้ด้อยไปกว่า ส.ส.หรือ ส.ว. วันนี้ทุกภาคส่วนต้องเดินทางไปควบคู่กัน เราไม่ได้ขอเงินกับรัฐบาล แต่ใช้เงินท้องถิ่นของตัวเอง รออนุมัติความจริงใจของผู้นำประเทศ นักการเมืองท้องถิ่นก็ต้องการการดูแลจากรัฐบาลอย่างเสมอภาค ท้องถิ่นจังหวัดสกลนครพร้อมที่จะเดินทางไปทวงถามความเป็นธรรมจากนายกฯ พร้อมที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อทวงสิทธิอันชอบธรรม หากท้องถิ่นเปรียบเหมือนลูกเมียน้อยแล้วใครจะมาดูแลบ้านเมือง วันนี้หากท่านไม่มีความจริงใจกับท้องถิ่น ท้องถิ่นก็จะไม่มีความจริงใจต่อท่าน เราจะสั่งสอนบทเรียนให้กับท่านในการเลือกตั้งที่ใกล้จะถึงนี้

รัฐบาลเมินผลโพลประเมินสอบตก

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ สัมภาษณ์ถึงการสำรวจของกรุงเทพโพลเกี่ยวกับผลงานระบุรัฐบาลสอบตก ได้คะแนนแค่ 3.82 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนนว่า ไม่ทราบ ว่าเขาไปสำรวจสอบถามด้วยวิธีการอย่างไร ถ้ามาถามสื่อมวลชนก็อาจจะได้คะแนนน้อยกว่า ถ้ามาถามตนก็อาจจะได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม เรารับฟังทั้งนั้นไม่ว่าจะให้ 2 คะแนน หรือ 4 คะแนน ให้เท่าไหร่ เราก็รับ ไม่เป็นปัญหา มีหน้าที่ทำงาน ถือว่าดีเมื่อมีเสียงสะท้อนอย่างนี้จะได้มุมานะทำงานให้มากขึ้น
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ช่วงสิ้นปีต้องมีการทำโพล และคงมีอีกหลายโพลออกมา รัฐบาลมีหน้าที่รับฟังเสียงสะท้อนว่าจะต้องทำอย่างไร และคงต้องดูหลายโพลประกอบกัน จะดูจากที่ใดที่หนึ่งแล้วบอกว่าเป็นจริงตามที่โพลสำนักนั้นระบุคงไม่ได้ เพราะบางครั้งผลสำรวจสะท้อนความเห็นจริง แต่อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด ยกตัวอย่างการทำนายผลการเลือกตั้งบางครั้งก็ใกล้เคียง แต่บางครั้งก็ไม่ใกล้เคียง

นัดแถลงผลงาน 2 ปี 24 ธ.ค.

นายสาทิตย์กล่าวว่า ส่วนการแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 2 ปี นายกรัฐมนตรีจะแถลงในวันที่ 24 ธ.ค. เวลา 17.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล เนื้อหาจะครอบคลุมงานที่รัฐบาลดำเนินการในช่วง 2 ปี จะเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่างก่อนที่รัฐบาลจะบริหารงานกับหลังการเข้ามาทำงาน ทั้งนี้ ไม่ได้คิดถึงขั้นว่าจะทำให้คะแนน นิยมดีขึ้น แต่เป็นการรายงานว่าตลอด 2 ปีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ทรุดหนักดีขึ้นได้อย่างไร จะมีตัวเลขยืนยันชัดเจนว่ามีประชาชนได้ประโยชน์จำนวนเท่าไหร่ เช่น นโยบายประกันรายได้เกษตรกร 2 ปีมีคนได้รับประโยชน์ มากกว่า 3.2 ล้านคน นอกจากนี้จะพูดถึงงานที่รัฐบาลต้องทำในปีหน้าด้วย อย่างไรก็ตาม วันที่ 23 ธ.ค.จะประชุมคณะทำงานเพื่อทำแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย ให้แล้วเสร็จ เพื่อเตรียมให้นายกฯแถลงเป็นพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศไทย ที่จะนำไปออกอากาศเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนในวันที่ 1 ม.ค. 2554

ต่ออายุใช้ไฟฟ้า-รถเมล์-รถไฟฟรี

นายกรณ์  จาติกวณิช  รมว.คลัง  เปิดเผยว่า  ที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้ต่ออายุมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ได้แก่ การใช้ไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 90 หน่วย มาตรการขึ้นรถเมล์ฟรี และขึ้นรถไฟชั้น 3 ฟรี ที่จะสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.นี้ โดยให้ต่ออายุมาตรการไปจนถึงวันที่ 28 ก.พ. 2554 อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้พิจารณามาตลอดถึงมาตรการลดค่าครองชีพของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และเห็นว่าควรจะพิจารณาอย่างเป็นระบบมากกว่าที่จะต่ออายุมาตรการเป็นคราวๆไปดังนั้นน่าจะตัดสินใจให้เป็นมาตรการที่ยั่งยืน ส่วนจะมีแนวทางเป็นมาตรการยั่งยืนอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรีจะแถลงในวันที่ 9 ม.ค. 2554 ซึ่งจะรวมถึงมาตรการการดูแลราคาก๊าซแอลพีจีด้วย ทั้งนี้ ยอดวงเงินที่ใช้ชดเชยสำหรับการต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพของประชาชนครั้งนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 3,085 ล้านบาท 

สั่ง 4 รัฐวิสาหกิจกู้เงินมาโปะ

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.ให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 4 แห่งที่รับผิดชอบดำเนินการต่ออายุมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนครั้งนี้ ทั้ง กฟน. กฟภ. ขสมก. และ รฟท. กู้เงินเพื่อชดเชยรายได้ที่ต้องแบกรับภาระในช่วงขยายระยะเวลาดังกล่าว และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชำระคืนเงินต้น ดอกเบี้ยเงินกู้ และค่าใช้จ่ายในการกู้เงินให้กับรัฐวิสาหกิจทั้ง 4 แห่งต่อไป นอกจากนี้ยังเห็นควรให้กระทรวงการคลังเร่งพิจารณาความจำเป็นของการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยมาตรการเรื่องใดที่เป็นบริการเชิงสังคม ควรปรับเข้าสู่ระบบการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ (พีเอสโอ) รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเป็นระบบ

เตือนใช้เงินประชาวิวัฒน์ต้องระวัง

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงแผนปฏิบัติการประชาวิวัฒน์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีการขึ้นค่าตอบแทนอยู่ตลอด จะส่งผลกระทบต่อภาพรวม เศรษฐกิจหรือไม่ว่า ควรจะดูด้วยความระมัดระวัง ส่วนภาพรวมการเมืองของไทยสามารถรองรับกับแผนประชาวิวัฒน์หรือไม่นั้น เห็นว่าในภาพรวมใช้ได้ แต่ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง

พท.เวิร์กช็อปทำนโยบายหาเสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า วันเดียวกัน คณะทำงานด้านเศรษฐกิจได้จัดงานสัมมนาประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กช็อป) เพื่อรับฟังความคิดเห็น ส.ส.จัดทำเป็นนโยบายพรรคใช้สำหรับการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า โดยนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมช.คลัง แถลงว่า จากการสัมมนาเราได้เสนอนโยบาย 3 หก (เดือน) ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ถ้าได้เป็นรัฐบาล 6 เดือนแรกจะเป็นการลดรายจ่าย 6 เดือนถัดมาเป็นการเพิ่มรายได้ และอีก 6 เดือนต่อไปเป็นการขยายโอกาสดังนี้ 1.นโยบายลดรายจ่าย 1.1 หนี้ไม่เกิน 5 แสน พักหนี้ 5 ปี ไม่มีดอกเบี้ย 1.2 หนี้ไม่เกิน 5 ล้าน ยืดเวลาชำระหนี้ 10 ปี 1.3 ธนาคารประชาชน เพื่อส่งเสริมการลงทุนและแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของประชาชนและข้าราชการ 2.นโยบายเพิ่มรายได้ 2.1 เกษตรเศรษฐี 2.2 บินก่อนผ่อนทีหลัง 2.3 ลดดอกเบี้ยเพื่อประชาชน 3.นโยบายขยายโอกาส 3.1 โครงการ SML 5-7-9 แสนบาท 3.2 หนึ่งจังหวัด หนึ่งอุตสาหกรรมเกษตร 3.3 ท่องถิ่นแดนไทยไปได้ทุกมุม 3.4 โครงการกองทุนตั้งตัวได้ 3.5 แก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา 3.6 ศูนย์ซ่อมสร้างโดยนักศึกษาอาชีวะ 3.7 โครงการที่พักอาศัย 3.8 โครงการพุทธบูชาเยือนสังเวชนียสถานของพระภิกษุ นอกจากนี้จากงานสัมมนายังเสนอนโยบายเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืนด้วย ทั้งนี้หากเราได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ เศรษฐกิจให้โต 9% ต่อปี

"ทักษิณ" แจกเคล็ดลับปราศรัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการสัมมนาครั้งนี้ได้มีการนำเอกสารที่ระบุว่าเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ใช้สำหรับการปราศรัยหาเสียงตามกรอบคิดของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาแจกจ่ายให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนาด้วย เนื้อหาในเอกสารแนะนำให้ ส.ส. ปราศรัยโดยยึดหลักการปรองดอง บ้านเมืองต้องเข้าสู่ ภาวะปกติ เรียกร้องให้มีการชดเชยผู้เสียชีวิต ประสบภัย จากการสลายการชุมนุม นำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาแก้ปัญหาหนี้สิน ล้างหนี้ประชาชน ล้างหนี้ประเทศ โจมตีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บริหารประเทศแบบสร้างหนี้ และถนัดการกู้มาโกง รวมทั้งเสนอแนะให้ปราศรัยเชิงสโลแกนเช่น หนี้ประเทศแก้ไขได้แน่แต่คนแก้ต้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ฉะนั้นต้องนำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาแก้หนี้ นอกจากนี้ ยังชี้แนะถึงการปราศรัยนโยบายด้านสังคม โดยให้มุ่งเน้นการทำให้คนจนเข้าถึงการศึกษา นำโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคกลับมาใช้ใหม่ ไม่มีการรับบริการแบบคนไข้ อนาถา ส่วนนโยบายด้านภูมิภาคพูดถึงการตั้งเมืองที่เป็นศูนย์กลางในแต่ละภูมิภาค สำหรับนโยบายใน กทม. จะออกมาหลังจากที่มีการยุบสภาแล้ว

"มิ่งขวัญ" เปิดตัวอาสาเป็นผู้นำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมมนาครั้งนี้ นายสุพล ฟองงาม เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เรียกส.ส.กว่า 60 คน ไปประชุมกันอีกฟลอร์หนึ่งเพื่อหารือถึงระบบบริหารจัดการของพรรค โดยส่วนใหญ่เห็นว่าจำเป็นต้องมีคนมาเป็นผู้นำขับเคลื่อนนโยบายประชานิยม สู้กับแผนประชาวิวัฒน์ของพรรคประชาธิปัตย์ ปรากฏว่านายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน ลุกขึ้นเสนอตัวเองว่ามีความพร้อมจะเป็นผู้นำพรรคขับเคลื่อนนโยบาย และพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ส.ส.ส่วนใหญ่ในห้องประชุมก็เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่มี ส.ส.คนใดลุกขึ้นทักท้วงคัดค้าน ส่วนใหญ่ก็แสดงท่าทีเห็นด้วย อย่างไรก็ตามการประชุมตลอดทั้งวัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เข้าร่วมด้วย

พผ.เดินหน้าแผนควบรวม รช.

นพ.อลงกต มณีกาศ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงความชัดเจนกรณีที่พรรคเพื่อแผ่นดินและพรรครวมชาติพัฒนาจะควบรวมเพื่อดำเนินกิจกรรมการเมืองเป็นหนึ่งเดียวกันว่า ได้พูดคุยกับว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่มโคราช พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วคือ เรื่องดังกล่าวมีการหารือร่วมกันระหว่างกลุ่ม 3 พี ของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ กับนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา มีความเห็นในทิศทางเดียวกันที่จะควบรวมพรรคหลังจากที่มีการประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แนวทางดังกล่าวเป็นการยกระดับพรรคการเมืองขนาดเล็กให้ขึ้นมาเป็นพรรคการเมืองระดับกลาง รองจากพรรคใหญ่ 2 พรรค คือพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์

ดัน "ชาญชัย" นั่งหัวหน้าพรรคใหม่

นพ.อลงกตกล่าวว่า แกนนำระดับผู้ใหญ่วิเคราะห์ ว่าหากทำกิจกรรมในนามพรรคขนาดเล็ก คงไม่สามารถเดินหน้าไปถึงเป้าหมายได้ ดังนั้น ต้องรวมตัวกันเพื่อเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาประเทศ ส่วนรายละเอียดว่าบุคคลใดจะเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ และพรรคใหม่จะใช้ชื่อว่าอะไร หลังปีใหม่แกนนำระดับผู้ใหญ่จะเปิดเผยรายละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตนมองว่านายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ เพราะแกนนำกลุ่ม 3 พี และนายสุวัจน์ยังถูกตัดสิทธิทางการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อค่ำวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินแต่ละกลุ่มได้หารือกันโดยยืนยันแนวทางการจับมือเป็นพันธมิตรกับกลุ่มของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยยึดถืออุดมการณ์ที่ประกาศไว้จะยึดชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นสำคัญ ส่วนรายละเอียดให้เป็นเรื่องของอนาคตที่ต้องพูดคุยกัน เนื่องจากยังมีปัจจัยหลายอย่างประกอบการตัดสินใจ รวมถึงกลุ่มการเมืองอื่นที่อาจหวนกลับมาทำงานการเมืองร่วมกันด้วย

"สุวัจน์" แทงกั๊กควบรวมสองพรรค

ด้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา กล่าวว่า เป็นความหวังดีและความปรารถนาดีของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่มโคราช ที่อยากเห็นความเป็นปึกแผ่นของการเมืองโคราช จึงอยากเห็นการมารวมตัวของผู้ที่มีประสบการณ์ ทางการเมือง คิดว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะวันนี้ยอมรับว่าความไม่เข้าใจกันและความแตกแยกในบ้านเมืองนำไปสู่หลายเรื่องที่ประชาชนไม่มีความสุข โดยเฉพาะที่ จ.นครราชสีมา ประสบความสำเร็จในการพัฒนาสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อถามถึงการพูดคุยเรื่องการรวมพรรคอย่างเป็นทางการ นายสุวัจน์กล่าวว่า นักการเมืองโดยภาพรวมรู้จักกันอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับจังหวะ บางครั้งมาอยู่รวมกัน ขณะที่บางครั้งต้องแยกย้ายกันไป ขณะนี้นายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งภายในปีหน้า แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าจะมีการเลือกตั้งจังหวะไหน

เขินถูกชูเป็นนายกฯ

นายสุวัจน์กล่าวว่า แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินหลายคนเคยสังกัดพรรคชาติพัฒนามาก่อน สำหรับตนและว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ยังติดโทษทางการเมือง วันนี้คงตัดสินใจทำอะไรทางการเมืองไม่ได้ ต้องรออีกปีครึ่ง เมื่อถามว่า ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ชูให้นายสุวัจน์เป็นผู้นำทางการเมือง และเป็นนายกฯคนต่อไป นายสุวัจน์ยิ้มเขินก่อนตอบว่า คงไม่ คิดว่าว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ให้เกียรติตนมากกว่า คงมีความปรารถนาดีอยากให้ตนได้อยู่ในจุดที่จะประสานผู้ใหญ่ทุกฝ่ายในเมืองโคราชเพื่อนำไปสู่การพัฒนา ส่วนความชัดเจนในการรวมพรรคระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดินและพรรครวมชาติพัฒนานั้น แล้วแต่จะสามารถพูดคุยในรายละเอียดกันได้มากน้อยเพียงใด เพราะยังมีเวลา คงยังไม่เลือกตั้งภายในเดือนนี้หรือเดือนหน้า ส่วนเรื่องการกำหนดตัวบุคคล ถ้าการรวมพรรคเกิดขึ้นนั้น คิดว่ายังยาวไกล

"ชวรัตน์" ยันลูกพรรคไม่ย้ายรัง

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการร่วมมือทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดินและพรรครวมชาติพัฒนา ซึ่งอาจส่งผลให้ ส.ส.พรรคภูมิใจไทยย้ายไปอยู่ด้วย ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด และไม่เคยได้ยินว่าจะมี ส.ส.พรรคภูมิใจไทยย้ายไปซบพรรคอื่น อยากให้ไปดูการประชุมพรรคทุกวันอังคารว่ามี ส.ส.และผู้สมัครมาร่วมประชุมกันจนแน่นห้องแทบไม่มีที่นั่ง กลัวจะมากเกินไปจนไม่มีงบไปจ่าย ผู้สื่อข่าวถามถึงกลุ่มมัชฌิมาฯที่มีข่าวว่ามีท่าทีจะย้ายออกจากพรรคภูมิใจไทย นายชวรัตน์กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็พูดคุยกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาฯ เป็นระยะ ไม่มีปัญหาอะไร

"สมศักดิ์" โต้ข่าวลือเตรียมทิ้ง ภท.

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาฯ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวจะย้ายออกจากพรรคภูมิใจไทย โดยไปหารือกับนายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา และว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน เพื่อหารือถึงแนวทางรวมกลุ่มการเมืองในอนาคต ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่เคยพูดคุยกับคนกลุ่มนี้ประมาณ 6 เดือนแล้ว ไม่เคยแม้กระทั่งโทรศัพท์คุยหรือร่วมรับประทานอาหารกัน ทุกวันนี้ตนอยู่เหมือนสภาพกบจำศีล มีความสุขดีอยู่แล้ว และไม่คิดทิ้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคพวก ใครจะปั่นกระแสอย่างไรก็อย่าเอาตนไปเกี่ยวข้อง นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ แกนนำกลุ่มมัชฌิมาธิปไตย เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข่าวโคมลอย ยุแยงให้เกิดความแตกแยก ไม่มีข้อเท็จจริง ยืนยันว่านายสมศักดิ์กับนายเนวิน ชิดชอบร่วมงานทางการเมืองกันอย่างดีด้วยความอบอุ่น

พท.รุกหนักบีบ กกต.ยื่นยุบ ปชป.ซ้ำ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีไซฟ่อนเงิน 258 ล้านบาท โดยระบุว่านายทะเบียนพรรคการเมืองไม่ได้ทำความเห็นและทำข้ามขั้นตอนนั้น พรรคเพื่อไทยได้มอบหมายนายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้ร้องในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ให้ทำคำร้องไปยังนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งก่อนปีใหม่ ซึ่งถือเป็นการให้  กกต.ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง  เพราะเรื่องนี้สังคมยังกังขา

ยกฟ้องคดี "ทักษิณ" ฟ้อง คตส.

ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กับกรรมการ คตส. รวม 11 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดและกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม กรณีโจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 11 คน ร่วมกลั่นแกล้งให้โจทก์ตกเป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯ คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2550 ให้งดไต่สวน และมีคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากศาลอาญาไม่มีอำนาจพิจารณา ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง

กกต.รับรอง "เกื้อกูล-ศุภรักษ์-อภิรักษ์"

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. เปิดเผยภายหลังการประชุม กกต.ว่า ที่ประชุมมีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 3 จังหวัด ประกอบด้วย นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร พรรคชาติไทยพัฒนา เป็น ส.ส. พระนครศรีอยุธยา นายศุภรักษ์ ควรหา พรรคภูมิใจไทย เป็น ส.ส.สุรินทร์ และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน พรรคประชาธิปัตย์ เป็น ส.ส.กทม. ส่วนการเลือกตั้งที่ จ.ขอนแก่น เขต 2 และ จ.นครราชสีมา เขต 6 อยู่ระหว่างสืบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากเรื่องคัดค้านเกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้ง นอกจากนี้ ที่ประชุม กกต.ยังมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม พรรคเพื่อไทย ถูกคำสั่งศาลล้มละลายกลางให้เป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งอาจส่งผลต่อสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายเผดิมชัย เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนและรอบคอบ

"เรืองไกร" ยื่นสอย "อภิสิทธิ์-กษิต"

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ประธานคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบการจัดเก็บรายได้ การใช้จ่ายเงินแผ่นดิน และการบริหารจัดการทรัพย์สินของแผ่นดิน วุฒิสภา กล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึง กกต.ขอให้ตรวจสอบความเป็นรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ต้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 (7) หรือไม่ ซึ่งเป็นผลมาจากการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 267 ด้วยการรับเป็นวิทยาการให้สำนักงานป.ป.ช.ในการสัมมนาหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยาย 1 ชั่วโมง ได้รับค่าสมนาคุณวิทยากร 5,000 บาท ส่วนนายกษิตไปบรรยายในหัวข้อกลไกและมาตรการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสากล เมื่อวันที่ 14 ก.ค.2553 เป็นเวลา 3 ชั่วโมง ได้รับค่าสมนาคุณวิทยากรชั่วโมงละ 2,000 บาท กรณีดังกล่าวทำให้นึกย้อนถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการเป็นลูกจ้างของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี โดยศาลรัฐธรรมนูญให้ความหมายของคำว่า "ลูกจ้าง" ไว้ประกอบกับตามกฎหมายภาษีสรรพากร เงินได้จากการเป็นวิทยากรถือเป็นเงินได้จากการรับจ้างทำของ ตามมาตรา 40 (2) ขณะที่ระเบียบกระทรวงการคลังให้ความหมายของวิทยากรไว้ด้วย
Tag:ยกเลิกพ.ร.ก. ฉุกเฉิน,พาดหัวไทยรัฐ,ยุบ ยกเลิกศอฉ.,หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ,ศตส.

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น